tesa 68000_heat-reflective-tape_002

การขับเคลื่อนนวัตกรรมและระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ด้วยอุปกรณ์รวมสายไฟ

ในบรรดาแนวโน้มที่กำเนิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 ในปีนี้ ข้อหนึ่งที่โดดเด่นก็คือการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ (Commercial vehicle หรือ CV) ทั่วโลก ทศวรรษนี้จะเกิดการพลิกโฉมหมวดธุรกิจนี้ครั้งใหญ่เลยทีเดียว ในช่วงระหว่างปี 2020 และ 2027 จะมี CV ออกสู่ท้องถนนกว่า 253 ล้านคัน เพิ่มจากค่าประมาณจำนวน CV ที่มีการใช้งานอยู่ในปี 2019 ที่ 388 ล้านคัน

8 มิ.ย. 2021

Delivery services
Increase number of delivery using light commercial vehicles

มีแนวโน้มสำคัญสามข้อที่ขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโต ข้อแรกคือปริมาณพัสดุและอีคอมเมิร์ซที่สูงขึ้น โดยจำนวนพัสดุที่ถูกส่งทั่วโลกนั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 1 แสนล้านชิ้นในปี 2019 ไปเป็น 3 แสนล้านชิ้นในปี 2026 ข้อที่สองคือการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของการค้าขายระหว่างประเทศและภายในประเทศ ซึ่งประมาณการไว้ที่ 8% ในปี 2021 และข้อที่สามคือความต้องการให้รัฐบาลทั่วโลกทำให้ CV ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น ซึ่งข้อสุดท้ายนั้นสำคัญมากเป็นพิเศษ จำนวนการเสียชีวิตที่มีสาเหตุมาจาก CV นั้นสูงมาก โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ ไม่ว่าจะเกิดจากความผิดพลาดของบุคคลหรือการทำงานผิดพลาดของรถ ยิ่งไปกว่านั้น การแพร่คาร์บอนจากเครื่องยนต์สันดาปทั่วไปใน CV ก็สูงอย่างมีนัยสำคัญ

ปัญหาเหล่านี้กระตุ้นให้เจ้าของรถขนส่งปรับปรุง CV ที่ตนมี ในแง่ของพลังงาน เจ้าของรถขนส่งเหล่านี้หันไปใช้ระบบส่งกำลังแบบใหม่ ซึ่งใช้พลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนสำหรับระบบโลจิสติกส์ทางไกลที่ใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ (Heavy-duty trucks หรือ HDT) และรถบรรทุกขนาดกลาง (Medium-duty trucks หรือ MDT) หรือใช้แบตเตอรี่สำหรับการจัดส่งในเขตเมืองด้วยรถบรรทุกขนาดเล็ก (Light commercial vehicles หรือ LCV) ภายในปี 2030 LCV ทั่วโลกกว่าหนึ่งในสามจะกลายเป็นรถพลังงานใหม่ โดย HDT จะคิดเป็นหนึ่งในสี่ของจำนวนรถขนส่งทั่วโลก

ในแง่ของเทคโนโลยีใหม่แบบอื่น ๆ ผู้ให้บริการ CV ใช้ประโยชน์จากรถยนต์ไร้คนขับ (Autonomous vehicles หรือ AV) เพื่อให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยจะใช้สำหรับทางไกลเป็นหลัก ไม่ใช่ช่วงที่ออกจากจุดเริ่มต้นหรือกำลังจะถึงปลายทาง

ปลดปล่อยศักยภาพของอินเดีย

แม้มีการคาดว่าการพัฒนารถใหม่ ๆ จะเติบโตขึ้นในยุโรปและสหรัฐฯ แต่รถเหล่านี้จะสร้างผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดในตลาดเกิดใหม่ ประเทศต่าง ๆ เช่นจีนและอินเดียจะได้ประโยชน์จากรถขนส่งยุคใหม่ เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศเหล่านี้จะเฟื่องฟูอย่างต่อเนื่องจากการค้าขายและอีคอมเมิร์ซที่ขยายตัวขึ้น

ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอินเดียจะชัดเจนมาก เนื่องจากภาคโลจิสติกส์และการขนส่งคิดเป็น 14% ของ GDP ของประเทศ หลาย ๆ คนจึงมองว่าการเปลี่ยนแปลงรถ CV ให้ทันสมัยขึ้นจะเร่งสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในประเทศได้ อินเดียเป็นผู้ผลิต CV ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก โดยในปี 2019 มีการผลิต CV กว่าหนึ่งล้านคันภายในประเทศ และภายในปี 2024 ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นกว่าสองล้านคันต่อปี

ความตั้งใจของอินเดียที่จะนำรถที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงมาใช้แทน CV ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปแบบดั้งเดิมก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน ในปีนี้ นายกรัฐมนตรีนเรนทระ โมที ได้ย้ำถึงวิสัยทัศน์ของรัฐบาลอินเดียที่จะใช้ไฮโดรเจนแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลเท่าที่ทำได้ และ CV สามารถทำให้ความตั้งใจนี้เป็นจริงได้ ในขณะที่จีนคาดว่าจะนำ AV มาใช้อย่างแพร่หลายในปีถัด ๆ ไป แต่สิ่งนี้มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในอินเดียได้น้อยกว่า เนื่องจากมีความอ่อนไหวเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีไร้คนขับมาแทนที่พนักงานขับ CV ที่มีจำนวน 2.2 ล้านคน

ยิ่งไปกว่านั้น อินเดียจะนำรถยุคใหม่มาใช้มากขึ้นพร้อม ๆ กับที่โครงสร้างพื้นฐานของถนนในประเทศได้รับการพัฒนา ซึ่งรวมทั้งแบบพลังงานใหม่และรุ่นที่ใช้พลังงานแบบดั้งเดิมที่มีคุณสมบัติทันสมัย และผลลัพธ์ข้อหนึ่งในจำนวนหลายข้อที่จะเกิดตามมาคือ จะมีความต้องการใช้สายไฟสูงขึ้นมาก

เศรษฐกิจที่กำลังเฟื่องฟู พร้อมกับการค้าขายและอีคอมเมิร์ซที่กำลังเติบโต
Prospering economies with growing trade and e-commerce

ความร้อนสูงขึ้นและการเดินสายไฟเพิ่มขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใด คุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ของ CV ในปัจจุบันมีสองข้อ คือ CV ทำให้เกิดความร้อนสูงและมีการเดินสายไฟมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เซลล์เชื้อเพลิงและรถไฟฟ้าต้องอาศัยสายไฟจำนวนมากขึ้นเพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อนขึ้นและช่วยในการส่งข้อมูลระหว่างส่วนต่าง ๆ และคอมพิวเตอร์ส่วนกลางของรถ ในการเดินสายไฟแบบนี้ จะต้องมีการรวมชุดสายไฟเพื่อให้สามารถพาสายไฟจากส่วนหนึ่งไปยังอีกส่วนหนึ่งของรถได้ นอกจากนี้ เนื่องจากรถเหล่านี้มีการออกแบบที่ซับซ้อนขึ้น พื้นที่ก็จะลดลง

ขณะที่เทคโนโลยีรถยนต์พัฒนาไปข้างหน้า ปริมาณการเดินสายไฟไม่ได้เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ความซับซ้อนก็สูงขึ้นด้วย ผู้ผลิตรถติดตั้งสายไฟแบบพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความร้อนที่มาจากเครื่องยนต์ของ CV ในขณะเคลื่อนที่ ซึ่งเครื่องยนต์ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงอาจมีอุณหภูมิสูงถึง 100°C ส่วนรถที่ใช้แบตเตอรี่จะอยู่ที่ประมาณ 50°C และอย่าลืมว่ามี CV ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปแบบใหม่อีกประมาณ 70% ที่จะเข้าไปรวมอยู่ในจำนวนรถขนส่งทั่วโลก ซึ่งคาดว่า CV เหล่านี้จะมีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงสูงขึ้น ปลอดภัยขึ้น และใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าขึ้น แต่ก็จะมีเครื่องยนต์ที่อุณหภูมิอาจสูงถึง 526°C ในขณะที่วิ่งบนท้องถนน และ CV เหล่านี้จะต้องใช้สายไฟเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากส่วนต่าง ๆ เช่น ระบบควบคุมการออกตัว ระบบตรวจสอบจุดบอด ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และระบบเตือนป้องกันการชนถูกเปลี่ยนเป็นแบบดิจิทัล และอาจมีระบบเก้าอี้นวดและการอุ่นพวงมาลัยด้วย

สิ่งใดที่จะช่วยให้การขับขี่ด้วยระบบดิจิทัลในอนาคตเกิดขึ้นได้ การเดินสายไฟนั่นเอง และเป็นปริมาณมากเสียด้วย การรวมชุดสายไฟอย่างมีคุณภาพที่ทนทานต่อความร้อนสูงและการเสียดสีจึงสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้มั่นใจว่ารถรุ่นใหม่เหล่านี้จะทำงานได้อย่างปลอดภัยและไว้วางใจได้

ชุดแบตเตอรี่ลิเทียมและการต่อสายไฟสำหรับรถไฟฟ้า
Electric car lithium battery pack and power connections

ต้องมีความยืดหยุ่น

ความยืดหยุ่นและการซ่อมแซมได้อย่างง่ายดายนั้นสำคัญมาก เพื่อให้กรอบการทำงานยุคใหม่นี้มีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปแล้ว อุปกรณ์รวมสายไฟจะติดตั้งด้วยมือแทนที่จะใช้หุ่นยนต์ ซึ่งต่างกับชิ้นส่วนอื่น ๆ ส่วนใหญ่กว่า 30,000 ชิ้นที่ประกอบเป็นรถที่พบเห็นได้ทั่วไป ระบบแบบไฮเอนด์มักจะประกอบด้วยวัสดุหนึ่งในสามชนิดดังนี้ นั่นคือรองด้วยผ้า ฟลีซ หรือฟิล์ม โดยจะต้องสะท้อนความร้อนได้และทนทานต่ออุณหภูมิสูง ๆ ขณะเดียวกันก็ต้องสามารถปกป้องสายไฟที่มีความหลากหลายและไวขึ้น

อุปกรณ์รวมสายไฟจะต้องมีความยืดหยุ่นเพื่อให้พอดีกับพื้นที่ระหว่างแผงต่าง ๆ และชิ้นส่วนระบบควบคุมของ CV เช่น เครื่องยนต์ ระบบพวงมาลัย และระบบกันสะเทือน นอกจากนั้นยังต้องอาศัยกาวคุณภาพสูงในการยึดชิ้นส่วนไว้ด้วยกัน เป็นการป้องกันที่ช่วยลดความเสี่ยงที่สายไฟและวงจรไฟฟ้าจะช็อต

อีกสิ่งที่สำคัญพอ ๆ กันก็คือน้ำหนักของอุปกรณ์รวมสายไฟ เนื่องด้วยปริมาณสายไฟในรถในปัจจุบัน วัสดุบางชนิดที่มีน้ำหนักมากกว่าชนิดอื่น ๆ ทำให้ต้องใช้เชื้อเพลิงมากขึ้นและมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์สูงขึ้น คุณสมบัตินี้สำคัญมาก เนื่องจากปัจจุบันองค์กรกำกับดูแลและผู้ผลิตรถยนต์ต่างมุ่งมั่นที่จะทำให้รถเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น

ตลาดที่ยั่งยืนขึ้น

บทบาทของอุปกรณ์รวมสายไฟในตัวรถนั้นจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้ฟีเจอร์ดิจิทัลมากขึ้น เซนเซอร์และกล้องขั้นสูงจะมาแทนที่กระจกข้างในอีกไม่ช้า กระจกหน้าอัจฉริยะจะมาแทนที่แผ่นบังแดด และเทคโนโลยีโลกเสมือนผสานโลกแห่งความจริง (Augmented reality) จะช่วยนำทางผู้ขับขี่ในถนนที่วุ่นวาย

การใช้รถยนต์ไร้คนขับล้วนจะเป็นก้าวสำคัญของภาคส่วน HDT และ MDT เนื่องจากจะต้องอาศัยเซนเซอร์และฟีเจอร์อัจฉริยะมากขึ้นเพื่อสื่อสารกับโลกภายนอก แม้สิ่งเหล่านี้จะมาเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ และเครือข่ายภายนอกผ่านการสื่อสารทางไกลด้วยเทคโนโลยี 5G แต่ก็คาดว่าการพัฒนาใหม่ ๆ เหล่านี้จะต้องอาศัยสายไฟจำนวนมากขึ้น และระบบการรวมสายไฟมากขึ้นตามมาด้วย

เช่นเดียวกัน บทบาทของ tesa ก็น่าจะเติบโตขึ้นในปีถัด ๆ ไป พร้อม ๆ กับที่ตลาด CV ขยายตัวต่อไป ในฐานะผู้ผลิตโซลูชันกาวถึง 100 แบบให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ จึงกล่าวได้ว่าหากไม่มีเรา ก็แทบจะไม่มีรถบนถนน โซลูชันที่ไม่ต้องใช้ตัวทำละลายเหล่านี้ครอบคลุมทั้งการติดประกอบชิ้นส่วนและสายเคเบิล การอุดรู การประกอบกระจก การป้องกันพื้นผิว และอีกมากมาย

ระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์เพื่อรถยนต์แห่งอนาคต
Automotive Electronics for the car of the future
เทปสะท้อนความร้อนจาก tesa
Heat Reflective tape from tesa

โซลูชันการรวมสายไฟของเรามีวัสดุรองเป็นผ้า ฟลีซ และฟิล์ม โดยมาพร้อมกับกาวคุณภาพดี ปลอกครอบอุปกรณ์รวมสายไฟของ tesa จะยึดอุปกรณ์ไว้อย่างแน่นหนา พร้อม ๆ กับปกป้องอุปกรณ์จากอุณหภูมิที่รุนแรงและสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย ด้วยโซลูชันสะท้อนความร้อนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา ซึ่งมีความสามารถในการสะท้อนและกระจายความร้อนได้ดีที่สุด ทั้งยังใช้ง่ายอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น โซลูชันสำหรับห้องเครื่องของเรายังทนทานต่อการขีดข่วนได้ดี และในห้องขับขี่ โซลูชันของเราก็ช่วยลดเสียงรบกวนได้อย่างเห็นได้ชัด

โซลูชันที่กล่าวถึงข้างต้นสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ tesa ซึ่งก็คือ เราเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงง่าย คำนึงถึงลูกค้าและผู้คนก่อนเสมอ เรามีความพร้อม ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดและความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็ว และเราเชื่อถือได้ กลุ่มโซลูชันของเราในหลาย ๆ อุตสาหกรรมนั้นเกิดขึ้นจากคุณภาพและความชำนาญ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าจะมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมอบความปลอดภัยในระดับสูงสุดแก่มนุษย์ และแน่นอนว่า เมื่อตลาด CV ทั่วโลกกำลังปรับปรุงให้มีความยั่งยืนยิ่งขึ้น tesa เองก็จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เช่นกัน